วันที่ 24 ตุลาคม พุทธศักราช 2568 นับเป็นวันแห่งความโศกเศร้าของปวงชนชาวไทย เมื่อสำนักพระราชวังประกาศว่า สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง เสด็จสวรรคตด้วยพระอาการสงบ สิริพระชนมพรรษา 93 พรรษา
        หลายทศวรรษที่ผ่านมา สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง โดยเสด็จพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร เสด็จฯ เยี่ยมราษฎรทั่วทุกหนแห่งในผืนแผ่นดินไทย ทรงริเริ่มโครงการในพระราชดำริสำคัญนานัปการเพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตของปวงชนอย่างทั่วถึง โดยมิทรงแบ่งแยกเพศ วัย หรือฐานะ ความหวังสูงสุดคือให้ประชาชน “อยู่ดีกินดี” อย่างยั่งยืน
        เพื่อเสืบสานพระราชปณิธาน ได้รวบรวม 9 พระราชกรณียกิจโดยสังเขป อันสะท้อนพระวิริยะและพระเมตตาที่ทรงทุ่มเทพระราชหฤทัยและพระวรกายโอบอุ้มราษฎร ดังนี้

1. ‘ศิลปาชีพ’ ราชินีแห่งไหมไทย ทรงเป็นต้นแบบอนุรักษ์ผ้าไทยให้โด่งดังไกล

        ผ้าไหมไทย คือ ภูมิปัญญาพื้นบ้านที่เคยถูกละเลย พระองค์ทรงหยิบยกขึ้นมาฟื้นฟูให้ทรงคุณค่ามากว่าครึ่งศตวรรษ เมื่อปี พ.ศ. 2513 คราวเสด็จฯ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือประสบอุทกภัยครั้งใหญ่ ทรงมีพระราชเสาวนีย์ให้ส่งเสริมการทอผ้าไหม ก่อเกิดการสร้างอาชีพและรายได้แก่ราษฎรอย่างกว้างขวางภายใต้มูลนิธิส่งเสริมศิลปาชีพฯ จนถึงปัจจุบัน อีกทั้งทรงเผยแพร่ความงดงามของผ้าไหมและหัตถกรรมไทยสู่สายตาชาวโลก ผืนผ้าจากภูมิปัญญาชาวบ้านกลายเป็นฉลองพระองค์อันวิจิตร โดยใน พ.ศ. 2505 ทรงได้รับเลือกให้เป็นหนึ่งในสตรีผู้แต่งพระองค์งามที่สุดของโลกจากผู้เชี่ยวชาญแฟชั่นสตรีนานาชาติ ทำให้ผ้าไทยเป็นที่รู้จักและสวมใส่อย่างแพร่หลาย เพื่อต่อยอดพระราชปณิธาน วันที่ 9 มิถุนายน 2563 กรมการพัฒนาชุมชนร่วมกับสภาสตรีแห่งชาติในพระบรมราชินูปถัมภ์ จัดทำโครงการ “สืบสาน อนุรักษ์ศิลป์ผ้าถิ่นไทย ดำรงไว้ในแผ่นดิน” ครม. เห็นชอบมาตรการส่งเสริมการสวมใส่ผ้าไทยอย่างน้อยสัปดาห์ละ 2 วัน กระตุ้นกระแสประกวดผ้าทอ มอบรางวัลเชิดชูเกียรติ และแฟชั่นโชว์ผ้าไทยร่วมสมัยให้ใส่ได้เก๋ในชีวิตประจำวัน

2. น้ำพระทัยสมเด็จพระพันปีหลวง ชุบชีวิตยามวิกฤติสาธารณสุข

        พระองค์ทรงห่วงใยทุกข์ยากของราษฎร โดยเฉพาะด้านสุขภาพอนามัยในชนบทห่างไกล ทรงพระราชทานโครงการด้านสาธารณสุขจำนวนมาก อาทิ ทรงโปรดเกล้าฯ จัดคณะแพทย์ตามเสด็จในต่างจังหวัด พัฒนาเป็นหน่วยแพทย์พระราชทาน และสานต่อโครงการ “หมอหมู่บ้าน” ของในหลวง รัชกาลที่ 9 ให้ชาวบ้านได้อบรมดูแลอนามัยเบื้องต้น พร้อมรับคนไข้ยากไร้ไว้ในพระบรมราชานุเคราะห์ ช่วงการแพร่ระบาดโควิด-19 ทรงพระราชทานพระราชทรัพย์ส่วนพระองค์และชุด PAPR ให้โรงพยาบาลสังกัดกระทรวงสาธารณสุข โรงพยาบาลในสังกัดกรุงเทพมหานคร และทุกเหล่าทัพ เพื่อคุ้มครองบุคลากรทางการแพทย์

3. ‘บ้านเล็กในป่าใหญ่’ โครงการพระราชดำริเพื่อคนกับป่าอยู่ร่วมกัน

        “พระเจ้าอยู่หัวเป็นน้ำ ฉันจะเป็นป่า” พระราชดำรัสสะท้อนพระราชปณิธานด้านการอนุรักษ์ป่าต้นน้ำ สนับสนุนพระราชกรณียกิจด้านแหล่งน้ำของในหลวง รัชกาลที่ 9 ทรงพระราชทานดำริจัดตั้งโครงการบ้านเล็กในป่าใหญ่แห่งแรกที่บ้านห้วยไม้หก อำเภออมก๋อย จังหวัดเชียงใหม่ พ.ศ. 2534 โดยทรงเน้นรักษาป่าอุดมสมบูรณ์ ฟื้นฟูพื้นที่เสื่อมโทรม ปลูกทั้งไม้ป่าธรรมชาติและไม้ใช้สอย จัดพื้นที่ทำกินอย่างมีประสิทธิภาพไม่ต้องบุกรุกป่า และจัดหาแหล่งน้ำให้เพียงพอ โครงการประสบความสำเร็จ คนกับป่าอยู่ร่วมกันได้ จึงขยายไปยังหลายพื้นที่ เช่น บ้านอุดมทรัพย์ อ.คลองลาน จ.กำแพงเพชร บ้านหนองห้า อ.เชียงคำ จ.พะเยา ดอยฟ้าห่มปก อ.แม่อาย จ.เชียงใหม่ เป็นต้น

4. ทรงต่อลมหายใจ ‘โขน’ ศิลปะการแสดงชั้นสูงของไทย

        ทรงมีพระราชเสาวนีย์ให้ศึกษาค้นคว้าโขนตามแบบโบราณราชประเพณี ฟื้นฟูองค์ความรู้และเครื่องแต่งกายให้ถูกต้องตามธรรมเนียม โปรดเกล้าฯ ให้ผู้เชี่ยวชาญรวบรวมหลักฐาน สร้างเครื่องแต่งกายขึ้นใหม่ และพัฒนาศิลปะการแสดงให้ร่วมสมัย โขนพระราชทาน เรื่องรามเกียรติ์ ชุด “ศึกพรหมาศ” พ.ศ. 2552 เป็นปฐมบทแห่งความสำเร็จที่งดงามตระการตา ต่อเนื่องมาจนปัจจุบัน โดยในโอกาสเฉลิมพระชนมพรรษา 90 พรรษา 12 สิงหาคม 2565 มูลนิธิส่งเสริมศิลปาชีพฯ จัดแสดงโขน เรื่องรามเกียรติ์ ตอน “สะกดทัพ” ระหว่างวันที่ 29 ตุลาคม–5 ธันวาคม 2565 ณ ศูนย์วัฒนธรรมแห่งประเทศไทย ทั้งนี้ ด้วยพระวิสัยทัศน์ที่สนับสนุนโขนให้ก้องโลก UNESCO จึงประกาศขึ้นทะเบียน “โขนไทย” เป็นมรดกภูมิปัญญาทางวัฒนธรรมของมนุษยชาติ เมื่อเดือนพฤศจิกายน พ.ศ. 2561

5. สืบสานพระราชปณิธานธรรมราชินี

        ทรงตระหนักว่าศาสนาเป็นเครื่องยึดเหนี่ยวจิตใจมนุษย์ให้ประกอบแต่ความดี จึงทรงอุปถัมภ์บำรุงศาสนาทุกศาสนาในประเทศไทย ทั้งพุทธ คริสต์ อิสลาม พราหมณ์–ฮินดู และซิกข์ เมื่อพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 9 ทรงประกอบพระราชกรณียกิจทางศาสนา มักโดยเสด็จฯ ด้วยเสมอ และหลายคราวเสด็จฯ โดยลำพังด้วยความเคารพในจารีต นอกจากนี้ยังทรงถวายปัจจัยแด่พระเถรานุเถระเป็นประจำ อนุเคราะห์พระสงฆ์อาพาธ สนับสนุนค่ารักษาพยาบาล และโปรดให้จัดภัตตาหารถวายเป็นพิเศษ

6. ‘สถาบันสิริกิติ์’ สานต่องานศิลปาชีพเผยแพร่ประณีตศิลป์

        กว่า 60 ปี แห่งพระราชกรณียกิจด้านศิลปาชีพทำให้เศรษฐกิจชุมชนเติบโต โรงฝึกศิลปาชีพสวนจิตรลดาพัฒนางานอย่างก้าวหน้า ผลงานมีความวิจิตรงดงาม จนยกสถานะเป็น “สถาบันสิริกิติ์” ตั้งแต่วันที่ 21 กันยายน 2553 ผลงานประณีตศิลป์อวดโฉมในพิพิธภัณฑ์ “ศิลป์แผ่นดิน” ตำบลเกาะเกิด อำเภอบางปะอิน จังหวัดพระนครศรีอยุธยา จัดแสดงตั้งแต่ห้อง “ปีกแมลงทับ” งานแกะสลัก คร่ำ ย่านลิเภา งานปักเส้นไหมโบราณ เครื่องราชูปโภคและเครื่องประดับ รวมถึงจำลองพระที่นั่งพุดตานคร่ำทองอย่างเสมือนจริง ทั้งหมดคือฝีมือชาวนาชาวไร่ที่ผ่านการฝึกฝนจนเป็นช่างศิลป์ชั้นยอดตามพระราชดำริ

7. ‘ฟาร์มตัวอย่าง’ ตามพระราชดำริ ศูนย์เรียนรู้การเกษตรครบวงจร

        กิจกรรมฟาร์มตัวอย่างถือกำเนิดที่บ้านขุนแตะ ตำบลดอยแก้ว อำเภอจอมทอง จังหวัดเชียงใหม่ เมื่อกว่า 20 ปีก่อน จากการช่วยเหลือผู้ผ่านการบำบัดยาเสพติดให้มีงานทำ เริ่มจากพัฒนาสาธารณูปโภค แหล่งน้ำ และกิจกรรมเกษตรครบวงจร ทั้งปลูกผัก ผลไม้ เลี้ยงปศุสัตว์และประมง ต่อมาขยายผลทั่วประเทศ ในสถานการณ์โควิด-19 ที่แรงงานจำนวนมากตกงานและกลับภูมิลำเนา พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงมีพระราชปณิธาน “สืบสาน รักษา ต่อยอด” พระราชกรณียกิจของสมเด็จพระพันปีหลวง โปรดให้นำพื้นที่ในโครงการฟาร์มตัวอย่างฯ 30 แห่ง จาก 61 แห่ง ใน 17 จังหวัด มาสนับสนุนการจ้างงาน ภายใต้ “โครงการฟาร์มตัวอย่างฯ ต้านภัยโควิด-19” เพื่อให้ประชาชนมีรายได้เลี้ยงครอบครัว

8. พระเมตตาด้านงานสังคมสงเคราะห์

        พระองค์ทรงพระเมตตาช่วยเหลือประชาชนด้านการแพทย์ สาธารณสุข และสังคมสงเคราะห์อย่างต่อเนื่อง เพราะทรงตระหนักว่ากายแข็งแรงนำไปสู่ใจเข้มแข็งและประโยชน์ส่วนรวม นอกเหนือจากพสกนิกรไทย น้ำพระราชหฤทัยยังแผ่ไพศาลถึงผู้อพยพลี้ภัย เช่น เหตุการณ์บ้านเขาล้าน จังหวัดตราด ทรงเยี่ยมผู้ลี้ภัยชาวกัมพูชา พระราชทานอาหาร ยารักษาโรค และเครื่องนุ่งห่ม โปรดให้สภากาชาดไทยร่วมกับกาชาดสากลช่วยเหลือ และพระราชทานครูสอนวิชาชีพ นอกจากนี้ทรงตั้ง “มูลนิธิสายใจไทย” เพื่อช่วยเหลือทหาร ตำรวจ และอาสารับใช้ชาติที่บาดเจ็บหรือพิการ พัฒนาอาชีพให้พึ่งพาตนเองได้ ผลิตภัณฑ์หัตถกรรมของมูลนิธิเป็นที่นิยมของประชาชน

9. ทรงส่งเสริมเยาวชนของชาติให้ได้รับการศึกษาอย่างเท่าเทียม

        ด้านการศึกษา พระองค์ทรงพระราชทานพระราชทรัพย์เป็นทุนเริ่มแรกให้โรงเรียนเจ้าแม่หลวงอุปถัมภ์ 1 สร้างโรงเรียนสำหรับชาวไทยภูเขาเผ่าเย้าที่บ้านห้วยขาน ตำบลแม่งอน อำเภอฝาง จังหวัดเชียงใหม่ และมอบให้กองกำกับการตำรวจตระเวนชายแดนดูแล ปัจจุบันสังกัดกระทรวงศึกษาธิการสอนถึงระดับมัธยมศึกษาตอนต้น รวมทั้งพระราชทานพระราชทรัพย์ส่วนพระองค์สร้างอาคารใหม่ให้โรงเรียนเจ้าแม่หลวงอุปถัมภ์ 2 สำหรับเด็กชาวไทยภูเขาเผ่าม้ง อำเภอแม่ริม จังหวัดเชียงใหม่ นอกจากนี้ยังทรงรับนักเรียนยากจนที่ทรงพบระหว่างเสด็จฯ ไปเยี่ยมราษฎรไว้ในพระบรมราชานุเคราะห์เกือบ 2,000 คน ขยายโอกาสถึงเด็กพิการให้ได้รับการศึกษาในโรงเรียนการศึกษาพิเศษตามความสามารถ จนจบการศึกษาเพื่อประกอบอาชีพเลี้ยงตนเองได้

        พระราชกรณียกิจทั้ง 9 ประการนี้ คือหลักฐานแห่งพระเมตตา พระปรีชาญาณ และพระวิริยะอุตสาหะของสมเด็จพระบรมราชชนนีพันปีหลวง ที่ทรงยกระดับชีวิตประชาชน สืบสานรากเหง้าศิลปวัฒนธรรม ฟื้นคืนผืนป่าและแหล่งน้ำ หนุนเสริมเศรษฐกิจฐานราก และเปิดโอกาสทางการศึกษาให้ลูกหลานไทยอย่างไม่รู้จบ เพื่อให้แผ่นดินไทย “อยู่ดี มีสุข” อย่างมั่นคงและยั่งยืนตลอดไป

 

ที่มา  : www.naewna.com, www.pptvhd36.com, www.chiangmainews.co.th, https://mgronline.com, www.tnews.co.th, www.cea.or.th, www.facebook.com/SantiSukTai, https://nakornchiangrainews.com/